เมนู

[128] 1.

บุคคล ผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยแห่งความหมั่น

มิใช่
ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญ เป็นไฉน ?

อาชีพของบุคคลใด ย่อมเจริญรุ่งเรืองเพราะความหมั่น ความขยัน
ความเพียรพยายาม มิได้บังเกิดแต่บุญ บุคคลนี้เรียกว่า ผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผล
แห่งความหมั่น มิใช่ดำรงอยู่ด้วยผลแห่งบุญ.
2.

บุคคลผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญ

มิใช่ดำรง-
ชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น เป็นไฉน ?

เทวดาชั้นสูง ๆ ขึ้นไป ตลอดถึงเทวดาเหล่าปรนิมมิตวสวัตดี ชื่อว่าผู้
ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญ มิใช่ผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น.
3.

บุคคล ผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น

ด้วย
ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญด้วย เป็นไฉน ?

อาชีพของบุคคลใด ย่อมเจริญรุ่งเรืองเพราะความหมั่น ความขยัน
ความเพียร ความพยายามด้วย เพราะบุญด้วย บุคคลนี้เรียกว่า ผู้ดำรงชีพอยู่
ด้วยผลแห่งความหมั่นด้วย ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญด้วย.
4.

บุคคล ผู้มิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น


ด้วย มิใช่ดำรง พอยู่ด้วยผลแห่งบุญด้วย เป็นไฉน ?

สัตว์นรกทั้งหลาย ชื่อว่าผู้มีใช่ผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น
ด้วย มิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญด้วย.

อรรถกถาบุคคลผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น ฯลฯ เป็นต้น


ผู้ใด ให้เวลาล่วงไปตลอดวันด้วยความหมั่น คือ ความเพียรนั่นแหละ
ได้วัตถุอย่างใดอย่างหนึ่งอันสักว่าเป็นผลอันไหลออกของความหมั่นนั้นแล้วสำเร็จ
การเลี้ยงชีพอยู่ ก็บุคคลอาศัยความหมั่นนั้นแล้วไม่ได้ผลแห่งบุญอย่างใดเอย่าง
หนึ่งตามที่ท่านหมายเอาบุคคลผู้นั้น แล้วกล่าวคำเป็นต้นว่า "ยสฺส ปุคฺคลสฺส
อุฏฺฐหโต"
ดังนี้.
บทว่า "ตตูปรเทว" ได้แก่ เทวดาทั้งหลาย ในเบื้องบนจากนั้น
มีพวกพรหมเป็นต้น จริงอยู่ ชื่อว่า กิจ คือการงาน ด้วยความขยันหมั่นเพียร
ย่อมไม่มีแก่เทพเหล่านั้น พวกเทพเหล่านั้นอาศัยผลบุญเท่านั้นเป็นอยู่.
คำว่า "ปุญฺญโต" นี้กล่าวหมายถึงชนทั้งหลายผู้มีบุญ มีกษัตริย์
มหาศาล พราหมณมหาศาล และเทวดาทั้งหลาย ตั้งแต่ภุมมเทวดาจนถึงเทวดา
ชั้นนิมมานรดีเป็นที่สุด เพราะว่าเทวดาและมนุษย์เหล่านั้นแม้ทั้งปวง ย่อม
เสวยผลแห่งความเพียร และผลแห่งบุญ ส่วนสัตว์นรกทั้งหลาย ย่อมไม่อาจ
เพื่อทำอาชีพให้เกิดขึ้นด้วยความเพียรได้เลย ทั้งอาชีพอะไร ๆ ที่จะเกิดขึ้นแก่
สัตว์นรกเหล่านั้น ด้วยผลแห่งบุญก็ไม่มี.

[129] 1. ตโมตมปรายนบุคคล บุคคล บุคคลผู้มืดมา มืดไป
เป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เกิดมา ในตระกูลต่ำ คือตระกูล
คนจัณฑาล ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างสาน ตระกูลช่างหนัง ตระกูลคน
เทดอกไม้ ซึ่งขัดสนมีข้าวน้ำโภชนะน้อยมีความเป็นอยู่ฝืดเคือง มีอาหารที่จะ
พึงกิน มีผ้านุ่งห่มหาได้ยาก และบุคคลนั้นเป็นผู้มีผิวพรรณขี้ริ้ว ไม่น่าดูเป็น